เพลง Web 3 กำลังเพิ่มขึ้น： Blockchain และ NFTs กำลังเปลี่ยนอุตสาหกรรมเพลงอย่างไร

สรุป

---

1. อุตสาหกรรมเพลงจะเป็นแนวหน้าต่อไปใน Web 3.0 เนื่องจากคุณลักษณะที่ยอดเยี่ยมของ blockchain และ NFT
2. ปัญหาที่ถากถางในวงการเพลงดั้งเดิมคือทั้งนักดนตรีและผู้ใช้ทั่วไปพึ่งพาพ่อค้าคนกลางมากเกินไปซึ่งนำไปสู่การโกง
3. สำหรับวงการเพลง Web 3.0 จะเป็นเวทีที่ผู้สร้างเป็นเจ้าของสิทธิ์ในเนื้อหาจากผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นผู้แต่งเนื้อร้อง นักเขียน หรือศิลปิน พวกเขาทั้งหมดสามารถชนะตำแหน่งที่นั่นได้
4. ในโลกดิจิทัล Music NFT มอบงานดนตรีที่มีคุณค่าและทำให้พวกเขาหายาก
5. บนแพลตฟอร์มเพลง NFT ที่มีลิขสิทธิ์บางประเภท ผู้ใช้ที่ซื้อเพลง NFT จะได้รับลิขสิทธิ์งานเพลงทั้งหมดหรือบางส่วน


กรอกแบบฟอร์มเพื่อรับคะแนนสะสม 5 คะแนน→


ตั้งแต่กำเนิดของอินเทอร์เน็ตเมื่อ 30 ปีที่แล้ว อินเทอร์เน็ตได้แทรกซึมทุกส่วนในชีวิตของเราและมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโลก อย่างไรก็ตาม เมื่อมีความก้าวหน้า อินเทอร์เน็ตก็ถูกยักษ์ใหญ่สองสามรายผูกขาดและกลายเป็นศูนย์กลางมากขึ้น เมื่อเทียบกับฉากหลังนี้ อินเทอร์เน็ตอาจเอียงไปทาง Web 3.0 ที่กระจายอำนาจโดยอิงจากเทคโนโลยีบล็อกเชน

อินเทอร์เน็ตกำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และอุตสาหกรรมทั้งหมดที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างมากใน Web 2.0 จะถูกสับเปลี่ยนใน Web 3.0 อุตสาหกรรมเพลงจะเป็นแนวหน้าถัดไปใน Web 3.0 เนื่องจากคุณลักษณะที่ยอดเยี่ยมของบล็อคเชนและ NFT รวมถึงคุณสมบัติของอุตสาหกรรมเพลง

ปัญหาการจู้จี้ในวงการเพลงดั้งเดิม

---

ในฐานะเศรษฐกิจสร้างสรรค์ วงการเพลงต้องเผชิญกับอุปสรรคที่คล้ายคลึงกันกับแพลตฟอร์มการสร้างสรรค์วิดีโอ แพลตฟอร์มโซเชียล และอุตสาหกรรมอื่นๆ

ประการแรก ปัญหาใหญ่ที่สุดในวงการเพลงดั้งเดิมคือทั้งนักดนตรีและผู้ใช้ทั่วไปพึ่งพาพ่อค้าคนกลางมากเกินไป ซึ่งส่งผลให้มีรายได้น้อยมาก อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับรูปแบบสื่อการสตรีมทั่วไปในแพลตฟอร์มเพลงแบบดั้งเดิม แล้วรูปแบบการสตรีมคืออะไร? สื่อสตรีมมิ่งเป็นโหมดกระแสหลักที่แพลตฟอร์มเพลงแบบดั้งเดิมนำมาใช้ มันทำงานในลักษณะที่ว่าถ้านักดนตรีเผยแพร่เพลงทำงานบนแพลตฟอร์ม Web2.0 เช่น Spotify, Apple Music และ QQ Music พวกเขาจะได้รับรายได้ที่แน่นอน

รุ่นนี้มีปัญหา ประการแรกรายได้จากการเล่นเพียงครั้งเดียวของงานลดลงอย่างมาก ครีเอเตอร์สามารถรับเงินได้ประมาณ $5 หลังจากเล่นเพลง 1,000 ครั้ง; นอกจากนี้ รายได้ส่วนใหญ่จะจัดสรรให้กับแพลตฟอร์มเพลงและบริษัทแผ่นเสียง สิ่งที่ผู้สร้างสามารถและจะได้รับนั้นน้อยมาก ในอุตสาหกรรมเพลงแบบดั้งเดิม เกือบ 90% ของรายได้ที่มาจากผลงานเพลงนั้นมาจากบริษัทบุคคลที่สาม เช่น บริษัทแผ่นเสียงและแพลตฟอร์มสื่อสตรีมมิ่ง และผู้สร้างเพลงจะได้รับประมาณ 10% ของรายได้ของทั้งแพลตฟอร์มเท่านั้น เพื่อการวิจัยที่เกี่ยวข้อง นักดนตรีที่ไม่มีฐานแฟนเพลงจำนวนมากแทบจะไม่สามารถดำรงชีวิตด้วยรายได้ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นผลเสียต่อการสร้างดนตรีและนวัตกรรมทางดนตรี

นอกจากนี้ พลังอันแข็งแกร่งของแพลตฟอร์มเพลงแบบดั้งเดิมทำให้ยากสำหรับผู้สร้างเพลงในการโปรโมตและเผยแพร่ผลงานของพวกเขาอย่างอิสระ ด้วยเหตุนี้ ผลงานที่ดีอาจถูกฝังไว้ได้หากไม่ถอยกลับไปบนแพลตฟอร์มเพลงและบริษัทแผ่นเสียง ด้วยเหตุนี้ ครีเอเตอร์แต่ละรายจึงถูกบีบคั้นจากแพลตฟอร์มขนาดใหญ่และแทบจะไม่สามารถมีรายได้ นอกจากนี้ สิทธิในการออกผลงานเพลงมักถูกครอบครองโดยบริษัทแผ่นเสียงขนาดใหญ่และแพลตฟอร์มเพลง ซึ่งในขณะเดียวกันก็นำไปสู่ข้อพิพาทด้านลิขสิทธิ์ต่างๆ ในวงการเพลง

การปฏิวัติเว็บ 3.0 ในอุตสาหกรรมเพลง

---

จากเว็บ 1.0 ถึง 3.0 เราได้เห็นสามขั้นตอน: การดู การสร้าง และการเป็นเจ้าของ สำหรับวงการเพลง อาจกล่าวได้ว่า Web 3.0 จะเป็นเวทีที่ครีเอเตอร์พยายามจะเป็นเจ้าของเนื้อหาจากผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นผู้แต่งเนื้อร้อง นักเขียน หรือศิลปิน พวกเขาทั้งหมดสามารถชนะที่นั่นและสร้างรายได้โดยตรงจากผลงานของพวกเขาผ่านโทเค็นและสัญญา

ในการปฏิวัติ Web 3.0 วงการเพลงต้องละทิ้งระบบการกระจายรายได้ที่ไม่สมเหตุผลและกำจัดการควบคุมของพ่อค้าคนกลางที่ดึงคุณค่าจากการออกผลงาน ผู้สร้างที่แท้จริงไม่ควรถูกเอารัดเอาเปรียบโดยพ่อค้าคนกลางที่เป็นนายหน้าซื้อขาย แต่ควรได้รับมูลค่าส่วนใหญ่ที่เกิดจากผลงาน ด้วยแนวคิดนี้ Audius ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสื่อสตรีมมิ่ง Web 3.0 ที่กระจายอำนาจได้ถือกำเนิดขึ้น เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มเพลงแบบดั้งเดิม เช่น Spotify แล้ว Audius เป็นแพลตฟอร์มการรวมเพลงที่ง่ายกว่า โดยที่ข้อมูลเพลงทั้งหมดถูกจัดเก็บบนเครือข่าย IPFS และเศรษฐกิจโทเค็นและชุมชนมีบทบาทในการรักษาการทำงานที่เสถียรของระบบ ในทวีตที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2020 Audius ระบุว่าจะจัดสรร 90% ของรายได้ของแพลตฟอร์มให้กับผู้สร้าง 10% เป็นรางวัลสำหรับผู้ดำเนินการโหนด และตัวแพลตฟอร์มจะไม่รับแม้แต่สตางค์


ประการที่สอง งานดนตรีจะมีคุณค่าในโลกดิจิทัล การแต่งเพลงในคอมพิวเตอร์เป็นเพียงสตริงของ 0 และ 1 ที่สามารถคัดลอกได้ง่าย สิ่งนี้ทำให้การละเมิดลิขสิทธิ์เกิดขึ้นได้ และคุณค่าของงานดนตรีไม่สามารถรับรู้ได้อย่างเต็มที่ วิธีการแปลงเป็น NFT หรือโทเค็นอาจแก้ปัญหานี้ได้ ในการทำเช่นนั้น ครีเอเตอร์จะติดต่อแฟนๆ ได้โดยตรงผ่าน NFT ของเพลง และแฟนๆ สามารถสนับสนุนนักดนตรีได้โดยสมัครรับ NFT เพลงของพวกเขา ในแง่หนึ่ง โมเดลนี้แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์ระหว่างนักดนตรีและแฟนเพลง ซึ่งเป็นคุณลักษณะของ SocialFi Pianity และ MintSongs เป็นแพลตฟอร์มเพลง Web 3.0 ประเภทนี้


ประการที่สาม แพลตฟอร์มเพลง Web 3.0 เชื่อมโยง NFT ของเพลงที่สร้างโดยนักดนตรีเข้ากับลิขสิทธิ์ของผลงานเพลง ผู้ใช้ที่ซื้อเพลง NFT สามารถรับลิขสิทธิ์ทั้งหมดหรือบางส่วนของผลงานและสามารถรับเงินปันผลบางส่วนจากรายได้ที่ตามมาของงาน บางแพลตฟอร์มยังอนุญาตให้ผู้ถือ NFT แก้ไขเนื้อหาของงานดนตรี โมเดลนี้มอบเพลง NFT ที่เปิดตัวด้วยมูลค่าเชิงพาณิชย์ที่เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น นอกเหนือจากมูลค่าคอลเลกชั่น ผู้ให้บริการลิขสิทธิ์ในแพลตฟอร์มเพลงแบบดั้งเดิมถูกแทนที่ด้วย NFT และสัญญาอัจฉริยะที่นี่ และมูลค่าของลิขสิทธิ์เพลงสามารถไหลได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น Royal, Opulous และ Melos เป็นตัวแทนของแพลตฟอร์มเพลง Web 3.0 ดังกล่าว

บทสรุป

---

วงการเพลง Web 3.0 จะทำลายระบบการกระจายผลกำไร ตั้งค่าแพลตฟอร์มเพลงที่ควบคุมโดยชุมชน แรปเพลงตามการทำงานของ NFT แล้วผูกมัดเพลง NFT กับลิขสิทธิ์ในโลกแห่งความเป็นจริง Web 3.0 ยังแสดงความสร้างสรรค์อย่างไม่มีที่สิ้นสุดในวงการเพลงอีกด้วย แพลตฟอร์มเพลง Web 3.0 ที่กระจายอำนาจยังจะเป็นสวรรค์สำหรับนักดนตรีจำนวนมากที่ได้รับการจัดการอย่างไร้ความปราณีโดยผู้มีอำนาจ



ผู้เขียน: แอชลีย์. H , นักวิจัย Gate.io; ผู้แปล: ซีดาร์. W
*บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นของผู้วิจัยเท่านั้น และไม่ถือเป็นข้อเสนอแนะในการลงทุนใดๆ
*Gate.io ขอสงวนสิทธิ์ทั้งหมดในบทความนี้ อนุญาตให้โพสต์บทความใหม่ได้หากมีการอ้างอิง Gate.io ในทุกกรณี การดำเนินการทางกฎหมายจะถูกดำเนินการเนื่องจากการละเมิดลิขสิทธิ์

Gate.io บทความแนะนำ

แพลตฟอร์ม NFT ดนตรี：ฮอตสปอตถัดไปใน Crypto Space
Tencent เปิดตัวคอนเสิร์ตเพลงเสมือนจริงครั้งแรกของจีน TMELAND: Tech Giants เข้าสู่อุตสาหกรรม Metaverse
Audius: แพลตฟอร์มเพลงสตรีมมิ่ง Web 3.0 ที่ใหญ่ที่สุด