จะทำอย่างไรในสภาวะตลาดผันผวน? อย่าตกใจไป! Grid Trading จะช่วยคุณผ่านตลาดกระทิงและหมีเอง !หลังจาก FTX ได้ประกาศล้มละลาย ความเสี่ยงยังคงแพร่กระจายในตลาดอย่างต่อเนื่อง เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีเหยื่ออีกราย คือ BlockFi ผู้ให้กู้คริปโตเคอเรนซี่ประกาศว่าได้ยื่นขอความคุ้มครองการล้มละลายพร้อมกับบริษัทย่อย 8 แห่ง หลังจากที่ข่าวนี้ออกมา ตลาดคริปโตเคอเรนซี่ก็ประสบปัญหาอีกครั้ง ส่งผลต่อราคาเหรียญ
Bitcoin โดยเฉพาะ ร่วงลงเกือบ 3% และ Ethereum ร่วงลง 5% Dogecoin ร่วงลง 9.2% รวมถึงสกุลเงินดิจิทัลบางสกุลได้รับผลกระทบจากการลดลง อย่างมาก
1. โฟกัสตลาด
ในเดือนพฤศจิกายน 2022 ราคาของ
Bitcoin ตกลงสู่จุดต่ำสุดในรอบสองปี เนื่องจากผู้คนกังวลว่าการล่มสลายของแพลตฟอร์มให้บริการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล FTX จะส่งผลกระทบต่อตลาดทั้งหมด เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ราคาของ BTC ได้ลดลงต่ำกว่า 15,500 ดอลลาร์ในช่วงสั้นๆ และท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของ Genesis Global Capital ซึ่งเป็นบริษัทให้กู้ยืมสกุลเงินดิจิทัลที่มีความสัมพันธ์ทางการเงินอย่างใกล้ชิดกับ FTX แต่หลังจากนั้น BTC ก็ฟื้นตัว 1,000 ดอลลาร์ ภายในเวลาไม่กี่วัน ถึงกระนั้นเมื่อสิ้นสัปดาห์ที่แล้ว สินทรัพย์ก็หยุดนิ่งที่ประมาณ 16,500 ดอลลาร์
ในวันจันทร์ ราคา BTC ร่วงลงอีกครั้งก่อนที่จะปีนขึ้นไปที่ 16,500 ดอลลาร์ และทะลุ 17,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรก ในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา กล่าวได้ว่าแนวโน้มราคาของ
Bitcoin มีทั้งขาขึ้นและขาลง ถือเป็นสิ่งที่เข้าใจยาก ณ ตอนนี้
Bitcoin ตกลงไปที่ $16,959.93 ลดลง 0.70% ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ราคาตลาดสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลกเพิ่มขึ้น 1.96% เป็น 852.85 พันล้านดอลลาร์ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของสกุลเงินดิจิทัล
Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH) ทั้งนี้มีคำถามเกิดขึ้นว่า
Bitcoin สามารถเป็นผู้นำตลาดสกุลเงินดิจิทัลให้เพิ่มขึ้นต่อไปได้หรือไม่?
ทุกคนต่างมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไปในเรื่องนี้ นักลงทุนบางคนมีความเชื่อมั่นใน
Bitcoin และคาดหวังว่ามัน จะทำกำไรก้อนโต บางคนลังเลและโต้เถียงว่าไม่น่าจะฟื้นตัวได้อย่างมีนัยสำคัญในระยะเวลาหนึ่ง ทั้งนี้ QCP Capital ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบริการซื้อขายกล่าวว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐในวันที่ 13 ธันวาคมและการตัดสินใจนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐในวันที่ 14 ธันวาคมอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้นักลงทุนจำนวนมากอาจถูก "บังคับให้ขายสินทรัพย์อย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง" QCP คาดว่าสถานการณ์อาจดีขึ้นในไตรมาสที่สองหรือสามของปีหน้า หลังจากที่เฟดเปลี่ยนการตัดสินใจและปลดปล่อยสภาพคล่องในระบบ
ไม่ว่าในกรณีใด เป็นที่แน่นอนว่าตลาดสกุลเงินดิจิทัลซึ่งนำโดย
Bitcoin นั้นถูกรุมเร้าด้วยความสับสนและการพลิกผันเล็กๆ น้อยๆ จัดการได้ยากกว่าตลาดหมีใหญ่หรือตลาดกระทิงขนาดใหญ่ อารมณ์ของนักลงทุนหลายคนก็ขึ้นๆ ลงๆ
ตามตลาดที่ผันผวน ความคิดเกี่ยวการลงทุนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน นักลงทุนบางคนต้องการให้ตลาดเสถียรภาพส่วน บางคนต้องการให้ราคาตลาดตกลงมาอีกเพื่อที่จะได้ซื้อสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกขึ้น
ผู้ที่ชื่นชอบสกุลเงินดิจิทัลหลายคนมีประสบการณ์พวกนี้มาแล้ว ยิ่งตลาดมีความผันผวนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสผิดพลาดในทิศทางและกลยุทธ์การลงทุนมากขึ้นเท่านั้น พวกเขามักจะขายก่อนกำหนดเมื่อตลาดกำลังตกลง และซื้อก่อนเวลาเมื่อตลาดกำลังขึ้น การลงทุนตามอารมณ์ถือเป็น "นักฆ่า" รายใหญ่เมื่อทำการซื้อขาย ตลาดมีการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็ว นักลงทุนแทบจะหาจังหวะการเข้าและออกที่แน่นอนได้ยาก ด้วยภายใต้สภาวะตลาดปัจจุบัน นักลงทุนไม่ควรคาดเดาและเปิด/ปิดสถานะสุ่มสี่สุ่มห้าตามความรู้สึกของพวกเขา แล้วจะสามารถหลีกเลี่ยงการลงทุนตามอารมณ์ได้อย่างไรเมื่อตลาดปั่นป่วน? ทำอย่างไรจึงจะจับตลาดได้แม่นยำและเกิดประโยชน์สูงสุด? ฉันต้องพูดถึงกลยุทธ์การลงทุนที่ใช้งานได้จริงในตลาดที่ผันผวน - "Grid trading"
2. เครื่องมืออันเฉียบคมสำหรับตลาดผันผวน - การซื้อขายแบบกริด
การซื้อขายแบบกริด (Grid Trading) คืออะไร? การซื้อขายแบบกริดสามารถเรียกอีกอย่างว่าการซื้อขายแบบหว่านแห เป็นการแบ่งคำสั่งซื้อ ขายไปเรื่อยๆตามเงินทุนที่มีในพอร์ตการลงทุน กำหนดราคาซื้อขายทุกระดับราคาที่เคลื่อนไหวบน ตาราง แล้วให้หุ่นยนต์ทำการซื้อหรือขายให้ การอุปมาว่าเป็นการซื้อขายแบบ ‘หว่านแห’ กล่าวคือเป็นการซื้อขายขึ้น-ลงตามเวลาและราคาเทรดเดอร์เปรียบเสมือนชาวประมงที่วางแหจับปลาในราคาต่างๆ กันและรอจับปลา ซื้อเมื่อราคาลดลงและขายเมื่อราคาสูงขึ้น ตราบใดที่ราคาผันผวนอยู่ในช่วงที่กำหนด คุณก็สามารถทำเงินได้และจะได้รับกำไรที่แน่นอนเมื่อคุณซื้อและขาย
หัวใจสำคัญของการซื้อขายแบบกริด คือความผันผวน การใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาด ซื้อต่ำและขายสูงภายในช่วงกริด และรับผลกำไรจากวงจรของความแตกต่างของราคาซ้ำๆ พูดง่ายๆ คือซื้อเมื่อราคาลงและขายเมื่อราคาขึ้น ดังนั้นการซื้อขายแบบกริด จึงเป็นเครื่องมือที่เฉียบคมในการช่วยให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนในตลาดที่ผันผวน ยิ่งตลาดมีความผันผวนมากเท่าใด ค่าใช้จ่ายในการเทรดก็จะยิ่งต่ำลงเท่านั้น นักลงทุนจะได้รับส่วนต่างราคาที่สูงขึ้น อย่างที่ คุณเห็น เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะใช้การซื้อขายแบบกริด ในตลาดซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล
ยกตัวอย่างภาพต่อไปนี้ สมมติว่าผู้ใช้เปิดคำสั่งกริด (grid order) คู่ BTC/USDT โดยกำหนดราคาสูงสุดไว้ที่ 10,000 USDT ราคาจำกัดล่างตั้งไว้ที่ 5,000 USDT เมื่อตำแหน่งเปิดที่ 7,500 เส้นกริด 4 เส้นถูกกำหนดไว้ที่ราคา 6,000/7,000/8,000/9,000 เมื่อราคา BTC เปลี่ยนเป็น 7,000, 6,000 และ 5,000 คำสั่งซื้อจะถูกวาง เมื่อราคา BTC เปลี่ยนเป็น 9,000 และ 10,000 คำสั่งขายจะถูกวาง เมื่อราคา BTC สูงกว่า 10,000 หรือต่ำกว่า 5,000 กลยุทธ์จะถูกระงับ ซึ่งจะใช้ได้ผลอีกครั้งเมื่อราคา BTC กลับเข้าสู่ช่วงราคากริด
ในความเป็นจริงการซื้อขายแบบกริดมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าเมื่อเทียบกับการถือครองไว้เฉยๆ
ตัวอย่างเช่น เมื่อราคาของ BTC เพิ่มขึ้นเป็น 8,000 ดอลลาร์ ผู้ใช้จะยุติธุรกรรมหลังการขาย โดยมีอัตราค่าธรรมเนียม การทำธุรกรรมอยู่ที่ 0.1% ในตอนนี้ สิ่งที่เขาจะได้รับจากการซื้อขายกริดคือ: (หมายเหตุ: "a1" หมายถึงขีดจำกัดบนของราคากริด "a2" หมายถึงขีดจำกัดล่างของราคากริด "n" หมายถึงจำนวนของ กริด)
ตามสูตรข้างต้นของ ROI ของการซื้อขายแบบกริด :
ROI ขั้นต่ำ = (10,000-5,000) / (5-1) / 10,000-2x0.1% = 12.3%
ROI สูงสุด = (10,000-5,000)/(5-1)/5,000-2x0.1%=24.8%
อย่างไรก็ตาม หากไม่ได้ใช้การซื้อขายแบบกริด ผู้ใช้จะได้รับ ROI: (8000-7500)/7500=6.7% ซึ่งน้อยกว่ากำไรที่ได้ จากการซื้อขายแบบกริดมาก จะเห็นได้ว่ามีพื้นที่ขนาดใหญ่ให้ทำกำไรจากการซื้อขายแบบกริด
3. ฝึกฝนการซื้อขายแบบกริด
ในฐานะที่เป็นเครื่องมือเสริมการเทรดแบบมืออาชีพและทางเทคนิคการเทรดแบบกริดไม่ใช่ผลิตภัณฑ์สากล ปัจจุบันด้วยข้อกำหนดที่เข้มงวดสำหรับแพลตฟอร์มให้บริการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลการซื้อขายแบบกริดจึงมีให้ บริการเฉพาะแพลตฟอร์มชั้นนำเท่านั้น เช่น Binance, Huobi และ Gate.io เมื่อคุณเข้าไปสู่กระดานแพลตฟอร์ม Gate.io ของ Strategy Bot จะพบว่ากลยุทธ์ส่วนใหญ่ที่มีสามารถทำกำไรได้สูงสุดนั้นเกิดจากการซื้อขายแบบกริด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของตลาดที่มีความผันผวนอย่างมากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ROI ของการซื้อขายแบบกริดได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก ตามข้อมูล ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนต่อปีของสปอตกริดสูงถึง 45.73% และผลตอบแทนต่อปีของสัญญากริดสูงถึง 60.83% ซึ่งทั้งสองวิธีนี้ได้รับผลตอบแทนสูงกว่ากลยุทธ์อื่นๆ มาก
การซื้อขายแบบกริดควรใช้เมื่อตลาดอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความผันผวนสูง เส้นราคาจะอยู่ในรูปของ V หรือ W เพื่อทำกำไรที่มั่นคง ไม่เหมาะกับพอร์ตการลงทุนที่อัตราดอกเบี้ยต่อปีเติบโตสม่ำเสมอ รูปภาพด้านล่างแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่แท้จริงของกลยุทธ์สปอตกริดของ Gate.io ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดคริปโตมีความผันผวนอย่างมาก และผลตอบแทนของการซื้อขายแบบกริดนี้ยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นท่ามกลางความผันผวน เห็นได้จากเส้นอัตราผลตอบแทนในช่วงวันที่ 29 พฤศจิกายนถึง 1 ธันวาคม ROI ของกลยุทธ์นี้พุ่งสูงขึ้นอย่างทวีคูณ
ROI 7 วันของกลยุทธ์การซื้อขายแบบกริดนี้
แนวโน้มราคา 7 วันของ BTC
ตามแผนภูมิ K-line ของ BTC ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายนถึง 1 ธันวาคม แนวโน้มราคาแสดงรูปร่างตัว V กลับหัวคล้ายหน้าผา ซึ่งสอดคล้องกับเงื่อนไขกำไรของการซื้อขายแบบกริด ดังนั้นสปอตกริดในรูปด้านบนจึงมีรายได้เพิ่มขึ้นในช่วงเวลานี้ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตลาดอยู่ในโหมดปั่นป่วนเช่นเดียวกัน ดังนั้นช่องว่างในการทำกำไรและศักยภาพของการซื้อขายแบบกริด จึงมีความสำคัญมาก
การซื้อขายแบบกริด Gate.io เป็นแพลตฟอร์มที่มีมนุษยธรรมและมีความเป็นส่วนตัวสูง สำหรับผู้เริ่มต้น โหมด "AI Smart Grid" ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ ระบบจะแนะนำพารามิเตอร์ที่ดีที่สุดสำหรับการตั้งค่าการเทรดแบบ กริดตามรายได้ backtest ของ 7 วันที่ผ่านมา ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ยังใหม่กับการซื้อขายแบบกริดเพื่อทำการทดลอง ระยะสั้น สำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์ พวกเขาสามารถเลือกที่จะกำหนดค่ากริดด้วยตนเอง ซึ่งช่วยให้สามารถกำหนดค่าพารามิเตอร์ได้ตามความต้องการ ทำงานได้อิสระ
4. ตลาดผันผวน และการซื้อขายแบบกริดอยู่ในเวลาที่เหมาะสม
ตามข้อมูลในอดีต ความผันผวนในตลาดสกุลเงินดิจิทัลนั้นมีระยะเวลายาวนานเกือบ 70% ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยาก สำหรับเทรดเดอร์ที่จะเข้าใจทิศทางตลาดที่ถูกต้อง นั่นเป็นเหตุผลที่การซื้อขายแบบกริดเกิดขึ้น แต่ทั้งนี้นั้นทุกกลยุทธ์ ซื้อขายมีสภาพแวดล้อมของตลาดที่เหมาะกับตัวมันเอง กล่าวคือกลยุทธ์บางอย่างจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อตลาดดำเนินการในลักษณะหนึ่งหรือในสถานะหนึ่งๆ กลยุทธ์เดียวไม่สามารถใช้ได้ทุกสภาวะตลาด อย่างที่เรา ทราบกันดีว่าโหมดการทำงานของตลาดสามารถแบ่งออกเป็นเทรนด์ขาขึ้น เทรนด์ขาลง และเทรนด์ด้านข้าง หากเป็นตลาดด้านเดียว การซื้อขายแบบกริดก็จะมีความสำคัญเพียงเล็กน้อย แต่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพโดยรวมของกองทุนเนื่องจากการสำรองกองทุนมากเกินไป ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนลดลง อย่างไรก็ตาม สภาวะตลาดในตอนนี้มีขึ้นและลง เต็มไปด้วยการพลิกผัน ซึ่งเป็นเพียงสถานที่สำหรับการซื้อขายแบบกริดที่จะเข้ามาเล่น